วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565

บทปลงสังขาร (ฉบับโบราณ) เอาไว้ฟังยามเหนื่อยจากงาน หรือกำลังท้อแท้ จะได้รู้ว่าเราเกิดมาทำไม


บทปลงสังขาร  (ฉบับโบราณ)

มนุษย์เราเอ๋ย            เกิดมาทำไม 
นิพพานมีสุข              อยู่ใยมิไป

ตัณหาหน่วงหนัก      หน่วงชักหน่วงไว้
ฉันไปมิได้                 ตัณหาผูกพัน
ห่วงนั้นพันผูก           ห่วงลูกห่วงหลาน
ห่วงทรัพย์ศฤงคาร   จงสละมันเถิด
จะได้ไปนิพพาน       ข้ามพ้นภพสาม

ยามหนุ่มสาวน้อย       หน้าตาแช่มช้อย
งามแล้วทุกประการ    แก่เฒ่าหนังยาน
แต่ล้วนเครื่องเหม็น    เอ็นใหญ่เก้าร้อย
เอ็นน้อยเก้าพัน          มันมาทำเข็ญ
ให้ร้อนให้เย็น            เมื่อยขบทั้งตัว
ขนคิ้วก็ขาว                นัยน์ตาก็มัว

เส้นผมบนหัว             ดำแล้วกลับหงอก
หน้าตาเว้าวอก          ดูน่าบัดสี
จะลุกก็โอย               จะนั่งก็โอย
เหมือนดอกไม้โรย     ไม่มีเกสร
จะเข้าที่นอน              พึงสอนภาวนา
พระอนิจจัง                พระอนัตตา

เราท่านเกิดมา           รังแต่จะตาย
ผู้ดีเข็ญใจ                 ก็ตายเหมือนกัน
เงินทองทั้งนั้น           มิติดตัวไป
ตายไปเป็นผี             ลูกเมียผัวรัก
เขาชักหน้าหนี           เขาเหม็นซากผี
เปื่อยเน่าพุพอง         หมู่ญาติพี่น้อง
เขาหามเอาไป           เขาวางลงไว้
เขานั่งร้องไห้             แล้วกลับคืนมา
อยู่แต่ผู้เดียว             ป่าไม้ชายเขียว
เหลียวไม่เห็นใคร      เห็นแต่ฝูงแร้ง
เห็นแต่ฝูงกา              เห็นแต่ฝูงหมา
ยื้อแย่งกันกิน            ดูน่าสมเพช
กระดูกกูเอ๋ย              เรี่ยร่ายแผ่นดิน
แร้งกาหมากิน            เอาเป็นอาหาร
เที่ยงคืนสงัด              ตื่นขึ้นมินาน

ไม่เห็นลูกหลาน         พี่น้องเผ่าพันธุ์
เห็นแต่นกเค้า            จับเจ่าเรียงกัน
เห็นแต่นกแสก          ร้องแรกแหกขวัญ
เห็นแต่ฝูงผี               ร้องไห้หากัน
มนุษย์เราเอ๋ย            อย่าหลงนักเลย
ไม่มีแก่นสาร             อุตส่าห์ทำบุญ
ค้ำจุนเอาไว้               จะได้ไปสวรรค์
จะได้ทันพระพุทธเจ้า ได้เข้าสู่พระนิพพาน
                    ชนะมาทั่ว
จักรวาลโลกตลอดกาล นิพพานะ ปัจ จะ โย โหตุ .

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.